ออกซิเจน คือ ก๊าซที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของทั้งพืช สัตว์และมนุษย์ เพราะถ้าร่างกายขาดออกซิเจนเพียงไม่กี่วินาทีก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต จากอากาศที่เราหายใจจะมีออกซิเจนประมาณ 21% รองมาจากก๊าซไนโตรเจนที่มีอยู่ประมาณ 78%

   1.O₂ คืออนุภาคที่ไม่เสถียร หรือเรียกว่า Atomic form

   2.O₂  คือโมเลกุลของออกซิเจนที่มีอยู่ทั่วไปในชั้นบรรยากาศ

   3.O₃  คือ อีกโมเลกุลของออกซิเจน ที่เรียกว่าโอโซน ไม่ค่อยเสถียรในชั้นบรรยากาศ มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและดับกลิ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   4.O₂  เป็นธาตุที่สามารถอยู่ได้ทั้ง 3 สถานะ คือ ก๊าซ ของเหลวและของแข็ง

   5.O₂  ไม่ติดไฟแต่ช่วยให้ไฟติด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนพื้นโลก O₂  จะมีไม่เกิน 20%

ออกซิเจนจะเข้าสู่ร่างกาย 95% โดยการหายใจเข้าไปสู่ปอด เพื่อให้เกิดก๊าซออกซิเจน เข้าไปจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จากนั้นหัวใจจะส่งต่อเม็ดเลือดแดงที่เต็มไปด้วยออกซิเจนนี้ไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกาย ออกซิเจนจะเข้าไปช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ตามอวัยวะต่างๆ และรักษาให้เซลล์มีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือได้รับไม่เพียงพอ จะทำให้เซลล์ตาย ส่งผลให้อวัยวะตายตามไปด้วยเช่นกัน

1. การเสื่อมประสิทธิภาพของปอดเมื่ออายุเพิ่มสูงขึ้น
2. ความเครียด
3. การสูบบุหรี่
4. การดื่มแอลกอฮอล์
5. ขาดการออกกำลังกาย
6. พักผ่อนไม่เพียงพอ
7. ใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน
8. ปัญหาเรื่องสุขภาพ โรคหืดหอบ ภูมิแพ้ และอื่นๆ

1.ช่วยให้ผนังหลอดเลือดหลั่งสารไนตริกออกไซด์ ทำให้กล้ามเนื้อรอบๆหลอดเลือดคลายตัว ส่งผลทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

2. ช่วยเพิ่มจำนวน Mitochondria ในร่างกาย ส่งผลช่วยเพิ่มระบบสร้างพลังงานให้กับร่างกาย

3. ช่วยเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายและเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ส่งผลให้ร่างกายมีระบบการไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

4. ช่วยในขบวนการย่อยสลายไขมันในร่างกาย

5. ช่วยลดกรดแลคติค, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันเลือด

6. เพิ่มความจำ สมาธิ และป้องกันโรคความจำเสื่อม

7. ช่วยให้ร่างกายสามารถขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น

สำหรับค่าออกซิเจนปกติในร่างกายหรือเรียกอีกอย่างว่าค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ในระดับปกติจะอยู่ที่ 96-99% เป็นค่าออกซิเจนที่เหมาะสมและดีที่สุดต่อร่างกายของมนุษย์ เพราะจะทำให้การทำงานของสมองทำงานดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าหากว่าค่าออกซิเจนในร่างกายต่ำกว่านี้ จะถือว่ามีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ส่งผลเกิดโรคต่างๆตามมา เช่น โรคโลหิตจาง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม เป็นต้น

ภาวะที่เนื้อเยื่อในร่างกายขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ (hypoxemia) จึงทำให้เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้นั่นเอง จนทำให้การทำงานของร่างกายและสมองบกพร่อง จึงแสดงลักษณะผิดปกติออกมาให้เห็นทางภายนอก เช่น

• ผิวหนังซีด หรือเป็นสีเขียวคล้ำ
• ไอ คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
• วิงเวียนหรือปวดศีรษะ
• มีเหงื่อออกมาก รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ วูบวาบตามตัว มือเท้าชา
• หายใจลำบาก ถี่ หรือมีเสียงหวีด
• รู้สึกกระสับกระส่าย กระวนกระวาย
• ตาพร่ามัว สับสน มึนงง ซึม
• การรับรู้ตัวลดลง ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก หากปล่อยไว้อาจเกิดอาการเพ้อ ชัก หมดสติ อาจเข้าสู่ภาวะโคม่า และอาจเสียชีวิตได้

ไม่ ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์ในปอดมีน้อย ออกซิเจนมีมาก หัวใจอาจทำงานน้อยลงโอกาสที่ในปอดจะมีออกซิเจนเพียงอย่างเดียวเพราะได้ออกซิเจนจากเครื่องมากเกินไป หรือไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์เลย จึงมีโอกาสน้อยมาก เพราะร่างกายยังต้องขับของเสียออกจากร่างกาย สังเกตุได้ว่าผู้ป่วยที่อยู่ห้อง ICU ต้องได้รับออกซิเจนความเข้มข้นสูงตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำไป ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ต้องมีการขับของเสีย คือ คาร์บอนไดออกไซค์ออกมา ร่างกายได้ออกซิเจนเพียง 4-5% เท่านั้น โอกาสที่จะมีออกซิเจนอย่างเดียวในร่างกายคงเป็นไปไม่ได้

เครื่องผลิตออกซิเจนแบบแครื่องมือแพทย์

            1.ต้องยื่นขออนุญาตนำเข้าเป็นเครื่องมือแพทย์เท่านั้น

            2.ใช้ตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น

            3.การใช้งานผ่านอุปกรณ์ cannula สายเสียบจมูก ต้องเติมน้ำ

เครื่องผลิตออกซิเจนแบบไม่ทางการแพทย์

           1.ยื่นขอวินิจฉัยตรงตามวัตถุประสงค์

            2.ใช้เพื่อเสริมออกซิเจนและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวัน

            3.การใช้งานผ่านอุปกรณ์ Hand free สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องเติมน้ำ