โอโซน(Ozone) และ เอเควียสโอโซน(Aqueous Ozone) คืออะไร ?
โอโซน คือรูปหนึ่งของก๊าซออกซิเจนที่มีพลัง (Active Oxygen) สามารถทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับสารอินทรีย์ ได้เกือบทุกชนิดทั้งในน้ำและในอากาศ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อที่รุนแรงและเร็วกว่าคลอรีนถึง 3,125 เท่า โอโซนจะเข้าไปจับโมเลกุลของสารปนเปื้อน และทำการแยกย่อยสลาย โดยการเปลี่ยนโครงสร้างของสารนั้น โอโซนเป็นก๊าซที่มีโครงสร้างไม่เสถียร หลังทำปฏิกิริยา โอโซนจะแปรสภาพกลับเป็นก๊าซออกซิเจนซึ่งไม่เป็นอันตราย หรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยีการผลิตก๊าซโอโซน (O3 ) ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 18 ในปี ค.ศ. 1906 โอโซนถูกนํามาใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ําดื่มและมีการติดตั้งระบบใหญ่สําเร็จขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองนีซประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โอโซนจึงถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศแถบยุโรป ส่วนใน สหรัฐอเมริกาได้ยอมรับว่าสามารถใช้โอโซนเป็นสารฆ่าเชื้อโรคได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940และ ใน ปี ค.ศ. 1957 USDA (The United States Department of Agriculture) ได้รับรองการใช้โอโซนเพื่อเก็บรักษาเนื้อสัตว์ (Meat storage) ใน ปี ค.ศ. 1991 USEPA (U.S. Environmental Protection Agency) ได้ยืนยัน ว่าสามารถใช้โอโซนเป็นสารฆ่าเชื้อโรคสําหรับการผลิตน้ําดื่ม ที่มีประสิทธิภาพ สูงที่สุดต่อมาในปี ค.ศ. 2001 USFDA ได้รับรองว่าสามารถนําโอโซนทั้งในรูป แบบของก๊าซ (Gas) และ น้ํา (Aqua) มาใช้เป็นสารฆ่าเชื้อโรค (Antimicrobial agent) ซึ่งสามารถสัมผัสกับอาหารโดยตรงได้
น้ําโอโซน (Ozonated Water) หรือเอเควียสโอโซน (Aqueous ozone) มีลักษณะใส เกิดขึ้นจากกระบวนการจากเครื่องโอโซนที่ละลายก๊าซโอโซนลงไปในน้ํา (H2O) ถูกผลิตขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ไป เช่น การฆ่าเชื้อโรคในน้ําดื่ม (Drinking Water Purification) ฆ่าเชื้อโรค บริเวณพื้นผิวทั่วไป (Surface Disinfection) การนําไปฆ่าเชื้อโรคบนผิวของ วัตถุดิบ (Sanitizing Food Produce) นอกจากนี้น้ําเอเควียสโอโซน (Aqueous Ozone) ยังมีคุณสมบัติช่วยลด การปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง (Pesticide) สารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายในน้ํา ผัก และผลไม้ และสามารถกําจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นได้อีกด้วยภายหลัง จากการฆ่าเชื้อโรคก็ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆนอกจากก๊าซออกซิเจนเท่านั้น
ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคของโอโซน (Disinfection Efficiency of Ozone ) โอโซนเป็นสารฆ่าเชื้อโรคจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยคุณสมบัติ การเป็นตัวออกซิไดซ์ที่รุนแรงจึงทําให้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคสูงด้วย โดยสามารถทําลายได้ทั้งแบคทีเรียเชื้อรา และ ไวรัส รวมถึงสามารถลดการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ และ สารอนินทรีย์ได้มากกว่า ร้อยละ 99.9 อย่าง รวดเร็วซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสารประกอบคลอรีนอื่นๆ ที่ใช้ทั่วไปพบว่าโอโซนมีความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคมากกว่าถึง 3,000 เท่า และไม่มีสารตกค้างหลังจากการใช้งาน เนื่องจากเป็นสารที่ไม่คงตัวสามารถสลายกลายเป็นออกซิเจน ได้เองตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เองโอโซนจึงเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย ว่า เป็น สารฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly) และได้รับการพิจารณาเพื่อนํามาทดแทนการใช้สารเคมีรวมถึงการใช้ ความร้อนในการฆ่าเชื้อโรค

การผลิตน้ําเอเควียสโอโซน (Aqueous ozone) (O3 Water Production) โดยทั่วไปกระบวนการผลิต ก๊าซ โอโซน มีวิธีหลักๆ 2 วิธี ได้แก่การใช้รังสี UV และ ระบบ Corona Discharge (CD) โดยระบบ CD จะเป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า แต่ทั้งระบบ การใช้รังสี UV และ CD จะใช้หลักการเดียวกันคือใช้อากาศเป็นสารตั้งต้นเพื่อผลิตให้ได้ก๊าซโอโซนออกมาแล้วจึงค่อยนําโอโซนที่ผลิตได้ละลายลงไปในน้ําโดยใช้วิธีที่แตกต่างกันไป แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพใน การผลิตก๊าซโอโซน ออกมาได้ในปริมาณที่มากกว่าสองวิธีแรกโดย ใช้น้ําสะอาด เป็นสารตั้งต้นแทนอากาศซึ่งเรียกระบบนี้ว่า ” Electrolytic Ozone Generation (EOG)” ด้วยเครื่องโอโซน แบบเอเควียสโอโซน (Aqueous ozone)

กําจัดกลิ่นอาหารและควันบุหรี่ในที่ทํางาน ร้านอาหาร และสถานบันเทิง ฯลฯอบฆ่าเชื้อโรคในช่องแอร์เบาะ พรม ทําให้อากาศในรถยนต์บริสุทธิ์ อบห้องเพื่อฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเหม็นอับ ในรองเท้าตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า และห้องนํ้า ฆ่าเชื้อดับกลิ่นเหม็นอับในห้องนอน กําจัดไรฝุ่น , แมลงสาบ และช่วยบําบัดโรคภูมิแพ้ ทําลายและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในอากาศ โดยโอโซนจะเข้าไป ทําลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคต่าง ๆ ทําให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตและตายไป